ชมรมคนคลั่งทะเล
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

ชมรมคนคลั่งทะเล รวบรวมกลุ่มบุคคลผู้ชื่นชอบยันคลั่งในทะเล


You are not connected. Please login or register

[อิทธิพลทะเลต่อประวัติศาสตร์ประเทศไทย]-วัฒนธรรมการพักผ่อนตากอากาศและการไปเที่ยวชายหาดชายทะเล

สร้างหัวข้อใหม่  ตอบ

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Admin

Admin
Admin

ประวัติการพักผ่อนท่องเที่ยวตามชายหาด
คนไทยในอดีต ไม่นิยมสร้างบ้านเรือนที่ดินริมทะเล ยกเว้น พวกชาวประมง ชาวเล ชาวมอร์แกน ทางภาคใต้ สาเหตุที่ไม่นิยมการปลูกบ้านเรือนริมทะเลนั้นเป็นเพราะว่า น้ำทะเลเป็นน้ำเค็ม จะเพาะปลูกอะไรก็ไม่ได้ดี แต่ในอดีตก็มีการท่องเที่ยวชายทะเลอย่าง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงชื่นชอบทะเล (คนไทยสมัยก่อนไม่ค่อยชอบทะเลเท่าไรนัก) และทรงไปพักผ่อนที่ชายหาดแห่งหนึ่งนานหลายวัน จนชาวบ้านในแถบจึงเรียกหาดแห่งนั้นว่า “หาดเจ้าสำราญ”

ในอดีตนั้นที่ดินติดทะเลไม่มีใครต้องการ เพราะเพาะปลูกพืชผลไม่งอกงาม ถึงกับพูดกันว่า ลูกชังในตระกูลมักได้ที่ดินริมทะเล ลูกรักได้ที่ดินที่ลึกเข้ามา โดยรู้ไม่ว่าเวลาต่อมา ที่ดินริมทะเลติดชายหาดชายทะเล จะเป็นที่ดินราคาแพงที่ใครๆ ก็ต้องการ เมื่อวัฒนธรรมการตากอากาศแพร่หลายนำโดยเจ้านายในราชสำนักสยาม ซึ่งนิยมไปสูดอากาศบริสุทธิ์เพื่อรักษาสุขภาพ ตามชายหาดและเกาะต่าง ๆ อย่างเกาะสีชัง หาดหัวหิน หาดชะอำ ฯลฯ ต่อมาความนิยมไปตากอากาศริมทะเลก็แพร่หลายมาสู่ประชาชนทั่วไป

การตากอากาศสมัย ร.4
วัฒนธรรมการพักผ่อนตากอากาศ เกิดขึ้นในสมัย ร.4 โดยชาวตะวันตกที่อยู่ในสยาม ได้ขอพระราชทานที่ดินชายทะเลไว้เป็นที่พักผ่อน ตามความเชื่อว่าอากาศในที่แห้งหรือชายทะเล และการอาบน้ำทะเลนั้น เป็นสิ่งดีต่อสุขภาพ และหมู่ชนชั้นเจ้านายสยามก็เห็นคล้อยตาม คำว่า "ตากอากาศ" จึงปรากฏเป็นครั้งแรก มีบันทึกในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ สมัย ร.4 ซึ่งแต่งโดยเจ้าพระยาทิพากรวงศ์

ร.4 จึงทรงสร้าง "พระนครคีรี" ขึ้นที่เพชรบุรี เพื่อเป็นสถานพักตากอากาศ รองรับพระราชอาคันตุกะจากประเทศตะวันตกในปลายรัชกาล พระราชวังแห่งนี้แสดงถึงความทันสมัยของราชสำนักไทย ที่มีพระราชวังฤดูร้อนเช่นเดียวกับชาติตะวันตก ต่อมาความนิยมในการตากอากาศเพื่อรักษาสุขภาพ ก็แพร่หลายมากขึ้นในสมัย ร.5 ร. 6 จนเกิดการท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อน เปลี่ยนบรรยากาศในหมู่ข้าราชการ คหบดี และต่อมาประชาชนก็นิยมไปพักผ่อนตากอากาศด้วย

พระราชวังตากอากาศที่สร้างในสมัยแรก อย่างพระนครคีรีหรือเขาวัง ผสมผสานศิลปะดั้งเดิมของไทย กับแนวนิยมแบบจีน และตะวันตก โครงหลังคาและกระเบื้องคลุมมีทั้งแบบหลังคาเก๋งจีน หลังคาลาดชันแบบไทย หลังคาโดมกระจกแบบฝรั่ง เช่นเดียวกับลูกกรง ราวระเบียง หรือแม้แต่เครื่องเรือน ก็มีหลายแบบเช่นกัน
การตากอากาศสมัย ร.5
มีการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ เข้ามารับราชการ มีทั้งช่างจากประเทศอังกฤษ อิตาลี เยอรมนี อาคารจึงมีรูปแบบศิลปะตะวันตกเด่นชัด รวมถึงเทคนิคการก่อสร้างที่ทันสมัย ก็ทำให้อาคารมีรูปทรงใหญ่โตโอ่โถง และมีรายละเอียดวิจิตรตามไปด้วย พระราชวังบางปะอินซึ่งสร้างในช่วงต้น ร.5 จะยังมีทั้งศิลปะตะวันตก ไทย จีน ญี่ปุ่น และแบบผสม ในพระที่นั่งองค์ต่างๆ เช่นเดียวกับพระจุฑาธุชราชฐานที่เกาะสีชัง แต่ภายหลังจาก ร.5 เสด็จกลับจากประพาสยุโรปครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2453 แล้ว การสร้างพระรามราชนิเวศน์ หรือพระราชวังบ้านปืน จะเป็นพระราชวังแบบโมเดิร์นสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการวางผัง การทำหอคอย หน้าบันทรงโค้ง ผนังตึกโค้งทั้งภายในและภายนอก หรือการใช้เส้นโค้งพลิ้วไหวของลายพรรณพฤกษา กับลายเรขาคณิตมาตกแต่งตามช่องลม ราวลูกกรง โคมไฟ
การตากอากาศสมัย ร.6
เมื่อเข้าสู่สมัย ร.6 เป็นยุคของความรู้สึกชาตินิยม จึงหวนกลับไปสนใจศิลปกรรมและงานช่างโบราณ เกิดเป็นงานสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ขึ้น พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน จึงสร้างเป็นอาคารไม้ยกพื้นใต้ถุนโล่งแบบบ้านไทย เน้นความเรียบง่ายมีแทรกลายฉลุเพียงเล็กน้อย มุงด้วยกระเบื้องว่าวที่ทำขึ้นในประเทศ และเริ่มทำใช้ในรัชกาลนี้

[อิทธิพลทะเลต่อประวัติศาสตร์ประเทศไทย]-วัฒนธรรมการพักผ่อนตากอากาศและการไปเที่ยวชายหาดชายทะเล 300px-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%A52
การตากอากาศสมัย ร.7
มีการสร้างพระราชวังไกลกังวลในปี โดย ร.7 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2469 เพื่อพระราชทานแด่สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี โดยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จากพระคลังข้างที่ ตั้งอยู่ที่ชายทะเล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อยู่ห่างจากหาดหัวหินไปทางทิศเหนือประมาณ 3 กิโลเมตร โดยมีหม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์ กฤดากร เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง ประกอบด้วย พระตำหนักเปี่ยมสุข ปลุกเกษม เอิบเปรม เอมปรีย์ พระราชวังแห่งนี้ได้รับการออกแบบในแบบสไตล์สเปน หันหน้าออกทางทะเล แต่เดิมพระราชวังแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า สวนไกลกังวล และพระตำหนักเปี่ยมสุข ก่อนถูกนำมาใช้ในชื่อ “พระราชวังไกลกังวล”

[อิทธิพลทะเลต่อประวัติศาสตร์ประเทศไทย]-วัฒนธรรมการพักผ่อนตากอากาศและการไปเที่ยวชายหาดชายทะเล Once_bangsan
(ภาพบางแสนในอดีต)
การตากอากาศสมัย ร.8
ใน ปี พ.ศ. 2480 จอมพล ป.พิบูลสงครามนายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นได้ดำริ ให้บางปูเป็นสถานที่พักผ่อน สำหรับประชาชนทั่วไปเนื่องด้วยพื้นที่ติดชายทะเลและระยะทางไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร ส่วนที่บางแสนนั้น จอมพล ป.พิบูลสงคราม มาสร้างบ้านพักตากอากาศขึ้นทางด้านตะวันตกของเขา เมื่อประมาณปี พ.ศ.2486-2488 นอกจากนั้นยังสร้างบ้านรับรองของรัฐบาล เพื่อใช้รับรองบุคคลสำคัญ และอาคันตุกะจากต่างประเทศ ตลอดจนที่ประชุมคณะรัฐมนตรี รวมทั้งสร้างบ้านพักสำหรับข้าราชการอีก 13 หลัง และตัดถนนเชื่อม จากบางแสนไปเขาสามมุขโดยรอบ

[อิทธิพลทะเลต่อประวัติศาสตร์ประเทศไทย]-วัฒนธรรมการพักผ่อนตากอากาศและการไปเที่ยวชายหาดชายทะเล 320px-Pattaya_beach_from_view_point
การตากอากาศสมัย ร.9 และปัจจุบัน
ในช่วงสงครามเวียดนาม ทหารอเมริกันได้มีการตั้งฐานที่ประเทศไทย และใช้พัทยาเป็นแหล่งตากอากาศ และในปัจจุบันการท่องเที่ยวของประเทศไทยได้สร้างรายได้ต่อประเทศไทยมากที่สุด

จาก
th.wikiepdia.org
prachuabtown.blogspot.com
www.bangpunature.com
www.moohin.com
www.sarakadee.com
www.thailand-huahin.com


_________________
ขอเชิญชวนผู้รักทะเล ชอบทะเล คลั่งทะเล ทุกท่านมาเป็นสมาชิกกับเรา

เว็บไซต์เพื่อนบ้าน
http://50secretsbkk.thai-forum.net

และ

http://siamois-wenhua.thai-forum.net/
https://konklungtalay.thai-forum.net

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

สร้างหัวข้อใหม่  ตอบ

Permissions in this forum:
คุณสามารถพิมพ์ตอบได้