สถานนี้สร้างโดยกษัตริย์ปัลลวะ ริมชายฝั่งโคโรแมนเดล ในอ่าวเบงกอล โดยทำการขุดเจาะเข้าไปในหินตามแนวชายฝั่งโคโรมานเดลในคริสต์ศตวรรษที่ 7 และ 8 (พุทธศตวรรษที่ 12-13) เป็นบริเวณที่มีชื่อเสียงในเรื่องวัดที่มีรูปร่างเป็นราชรถ หมู่ถ้ำที่อยู่อาศัย แท่งหินยักษ์กลางแจ้ง เช่น “Descent of the Ganges” อันมีชื่อเสียง และวัดแห่ง Rivage รวมทั้งรูปประติมากรรมจำนวนมากเพื่อบูชาพระศิวะ
กลุ่มอนุสรณ์สถานแห่งมหาพลีปุรัม ได้รับเลือกเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรมในการประชุมครั้งที่ 8 ใน ปีพ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) ณ กรุงบัวโนสไอเรส นครปกครองตนเองบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โดยใช้เกณฑ์ ดังนี้
(I) - เป็นตัวแทนในการแสดงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันชาญฉลาดของมนุษย์
(II) - เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลยิ่ง ผลักดันให้เกิดการพัฒนาสืบต่อมาในด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถาน ประติมากรรม สวน และภูมิทัศน์ ตลอดจนการพัฒนาศิลปกรรมที่เกี่ยวข้อง หรือการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือบนพื้นที่ใดๆ ของโลกซึ่งทรงไว้ซึ่งวัฒนธรรม
(III) - เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว
(IV) - เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนาทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
จาก
en.wikipedia.org
th.wikipedia.org
www.thaiwhic.go.th
whc.unesco.org