แหล่งมรดกนี้ประกอบด้วยหลักฐานของเมืองที่ก่อตั้งขึ้นโดยชาวกรีกดอเรียนในศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตศักราช (พุทธศตวรรษที่ 1) บนชายฝั่งทางทิศเหนือของทะเลดำ แหล่งนี้ประกอบด้วยแหล่ง 6 แหล่ง ที่มีหลักฐานของชุมชนเมืองและพื้นทีเกษตรกรรมที่แบ่งออกเป็นพื้นที่เพาะปลูกที่เรียกว่า “โครา” (chora) คือแปลงที่ดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเท่าๆกัน จำนวนหลายร้อยแปลง แปลงเพาะปลูกเหล่านี้คือแปลงปลูกองุ่นที่ตัวเมืองได้ส่งขายจนมีความเจริญในช่วงคริสตศตวรรษที่ 15 (พุทธศตวรรษที่ 20) ภายในแหล่งมีกลุ่มอาคารสาธารณะหลายกลุ่ม ย่านพักอาศัย รวมถึงโบราณสถานยุคคริสเตียนตอนต้น และหลักฐานชุมชนยุคหินและยุคสำริด ป้อมปราการและระบบการส่งน้ำยุคโรมันและยุคกลาง และหลักฐานที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดียิ่งของไร่องุ่นและกำแพงกันเขต ในคริสตศตวรรษที่ 3 (พุทธศตวรรษที่ แหล่งนี้เป็นที่รู้จักกันในฐานะแหล่งผลิตไวน์จำนวนมากที่สุดของทะเลดำ และเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนระหว่างอาณาจักรกรีก โรมัน และไบแซนไทน์ และประชาชนที่อยู่ด้านเหนือของทะเลดำ แหล่งนี้เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของการจัดสรรที่ดินแบบประชาธิปไตยที่เชื่อมโยงกับเมืองในสมัยโบราณ สะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบทางสังคมในยุคนั้น
เมืองโบราณเทาริก เคอร์โซนีสและโครา ได้รับเลือกเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในการประชุมครั้งที่ 37 ใน ปี พ.ศ. 2556 (ค.ศ. 2013) ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยใช้เกณฑ์คือ
(II) - เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลยิ่ง ผลักดันให้เกิดการพัฒนาสืบต่อมาในด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถาน ประติมากรรม สวน และภูมิทัศน์ ตลอดจนการพัฒนาศิลปกรรมที่เกี่ยวข้อง หรือการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือบนพื้นที่ใดๆ ของโลกซึ่งทรงไว้ซึ่งวัฒนธรรม
(V) - เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของวัฒนธรรมมนุษย์ ขนบธรรมเนียมประเพณีแห่งสถาปัตยกรรม วิธีการก่อสร้าง หรือการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งเสื่อมสลายได้ง่ายจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมตามกาลเวลา
จาก
en.wikipedia.org
th.wikipedia.org
whc.unesco.org
www.thaiwhic.go.th