คาลัท อัล บาห์เรน เป็นเนินดินที่เกิดจากการทับถมของการอยู่อาศัยของมนุษย์ ขนาดกว้าง 300 เมตร ยาว 600 เมตร จากการขุดค้นที่ดำเนินการไปแล้วประมาณ 25% พบหลักฐานตั้งแต่ยุค 2,300 ปีก่อน ค.ศ. จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 16 (ราว 1,750 ปี ก่อนพุทธศักราชจนถึงพุทธศตวรรษที่ 21) ประกอบด้วยหลักฐานสิ่งก่อสร้างประเภทต่าง ๆ อาทิ ที่อยู่อาศัย อาคารสาธารณะ อาคารพาณิชย์ ศาสนสถาน และอาคารทางการทหาร แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของแหล่งที่เคยเป็นเมืองท่าพาณิชย์ในช่วงเวลาหลายศตวรรษ บนเนินดินที่สูง 12 เมตรนี้เป็นที่ตั้งของป้อมของชาวโปรตุเกส อันเป็นที่มาของชื่อแหล่ง “คาลา (qal’a)” แปลว่า ป้อม แหล่งโบราณสถานนี้ยังเคยเป็นเมืองหลวงของดีลมูน (Dilmun) หนึ่งในอารยธรรมโบราณที่สำคัญที่สุดของภูมิภาค โดยปรากฎหลักฐานของอารยธรรมนี้อยู่เป็นจำนวนมากที่สุด ซึ่งแต่เดิมจะพบอยู่ในหลักฐานบันทึกของชาวสุเมเรียเท่านั้น
เกณฑ์ในการจัดตั้งเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม
ในการประชุมครั้งที่ 15 ปี พ.ศ. 2548 (ค.ศ. 2005) ณ เมืองเดอร์บัน จังหวัดควาซูลู-นาตัล ประเทศแอฟริกาใต้ โดยใช้เกณฑ์คือ
(II) - เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลยิ่ง ผลักดันให้เกิดการพัฒนาสืบต่อมาในด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถาน ประติมากรรม สวน และภูมิทัศน์ ตลอดจนการพัฒนาศิลปกรรมที่เกี่ยวข้อง หรือการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือบนพื้นที่ใดๆ ของโลกซึ่งทรงไว้ซึ่งวัฒนธรรม
(III) - เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว
(IV) - เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนาทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
อ้างอิง
en.wikipedia.org
th.wikipedia.org
www.thaiwhic.go.th