อัล ซูบาราห์ เมืองชายฝั่งทะเลที่มีปราการล้อมรอบ อยู่ในพื้นที่อ่าวเปอร์เซีย (the Gulf) เจริญรุ่งเรืองด้วยความเป็นแหล่งไข่มุกและศูนย์กลางการค้าในช่วงปลายคริสตศตวรรษที่ 18 ถึงต้นคริสตศตวรรษที่ 19 (พุทธศตวรรษที่ 23 – 24) ก่อนที่เมืองจะถูกทำลายในปีค.ศ. 1811 (พ.ศ. 2354) และถูกทิ้งร้างไปในช่วงปีค.ศ. 1900 (พ.ศ. 2443) เมืองนี้ก่อตั้งขึ้นโดยพ่อค้าจากคูเวต อัล ซูบาราห์มีความสัมพันธ์ทางการค้าข้ามมหาสมุทรอินเดีย กับเขตอาราเบีย และเอเชียตะวันตก ชั้นทรายที่ถูกพัดพาเข้ามาจากทะเลทรายได้ปกป้องซากโบราณสถานของวัง มัสยิด ถนนหนทาง บ้านที่มีลานอยู่ภายใน และกระท่อมของชาวประมง รวมถึงอ่าวและแนวปราการสองชั้น คลอง กำแพงและสุสาน การขุดค้นได้ดำเนินไปเพียงส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของแหล่ง ซึ่งเป็นประจักษ์พยานของประเพณีการค้าในชุมชนเมืองและการงมไข่มุกซึ่งหล่อเลี้ยงเมืองสำคัญที่อยู่บริเวณชายฝั่งของภูมิภาคนี้ และนำไปสู่การพัฒนารัฐอิสระเล็กๆที่มีความเจริญรุ่งเรืองที่อยู่นอกการควบคุมของอาณาจักรออตโตมาน ยุโรป และเปอร์เซีย ซึ่งในที่สุดได้นำไปสู่การกำเนิดของรัฐในเขตอ่าวเปอร์เซียในปัจจุบัน
แหล่งโบราณคดี อัล ซูบาราห์ ได้รับเลือกเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ในปี พ.ศ. 2556 (ค.ศ. 2013) ณ กรุงพนมเปญ เทศบาลนครพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
(III) - เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว
(IV) - เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนาทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
(V) - เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของวัฒนธรรมมนุษย์ ขนบธรรมเนียมประเพณีแห่งสถาปัตยกรรม วิธีการก่อสร้าง หรือการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งเสื่อมสลายได้ง่ายจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมตามกาลเวลา
อ้างอิง
en.wikipedia.org
th.wikiepdia.org
www.thaiwhic.go.th
whc.unesco.org